วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้วิธีการล้างเครื่องซักผ้าฝาบนด้วยสิ่งของในครัว กับบทความ วิ ธีล้างเครื่องซักผ้าด้วยของใช้ในบ้าน ที่แม่บ้านหล า ยคนไม่เคยรู้ ไปดูกันว่าจะต้องทำอย่ างไรบ้าง
หากต้องการทำความสะอาดเครื่องซักผ้า ส่วนใหญ่เราจะเรียกช่างให้มาล้าง เพราะขั้นตอนนั้น ต้องมีการถอ ดถังซักผ้าออ กมาก่อน ซึ่งเราที่ไม่มีความชำนาญไม่สามารถที่จะทำเองได้ แต่รู้หรือไม่ว่า ยังมีวิธีที่เราสามารถล้างถังซักผ้าเองได้ โดยไม่ต้องถอ ดออ กมาล้าง วิธีก็แสนจะง่ายมาก และยังได้ผลดีเกินคาดอีกด้วย
1 โปรแกรมล้างถังซักผ้า
ส่วน มากเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ จะมีโปรแกรมนี้ด้วยกันทั้งนั้น เพราะผู้ผลิตเล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องซักผ้า เมื่อเราใช้ไปในระยะเวลานานๆ การใช้งานก็ไม่ยุ่ง ย า ก แค่ตั้งไปที่โหมดล้างถังซักให้ทำงานต ามปกติ แค่นี้ก็เสร็จแล้ว แนะนำให้ทำเดือนละครั้งจะดีมาก แค่นี้เครื่องซักผ้าก็จะไม่มีสิ่งสกปรกสะสม และยังป้องกันการเกิดเ ชื้ อ ดรค แบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของผ้าเหม็นอับ
2 ใช้น้ำส้มสายชูช่วย
เราจะใช้น้ำส้มสายชูที่มีอยู่ในครัวนี่แหละ มาเป็นตัวช่วยทำความสะอาดถังซักผ้า โดยให้เทน้ำส้มสายชู 200 ml ลงในช่องสำหรับใส่น้ำ ย า ซักผ้า แล้วกดให้เครื่องทำงานต ามโปรแกรมซักผ้าปกติ หากเครื่องสามารถกำหนดอุณหภูมิน้ำที่ใช้ซักได้ ก็ให้ตั้งอุณหภูมิสูงสักหน่อย เพื่อเป็นตัวช่วยฆ่ า เ ชื้ อ โ ร ค แต่หากเครื่องซักผ้าของคุณไม่มีโหมดนี้ จะต้มน้ำแล้วเอามาเทใส่ก็ได้เหมือนกัน เมื่อเครื่องปั่นทำงานต ามโปรแกรมซักที่ตั้งไว้เสร็จแล้ว อ ย่ า เพิ่งปล่อยน้ำ ให้แช่ทิ้งเอาไว้อ ย่ า งนั้น 2-3 ชั่ ว โมง พอครบเวลาก็ต้องโปรแกรมล้างถังซัก และล้างถังเปล่าๆอีกสัก 2 รอบก็ใช้ได้
3 อ ย่ า ลืมล้างช่องใส่น้ำ ย า
ไม่ว่าจะเป็นช่องใส่น้ำ ย า ซักผ้า หรือน้ำ ย า ปรับผ้านุ่ม ตรงจุดนี้มักจะเต็มไปด้วยคราบสกปรกสะสมอยู่ และยังอุดตันระบบการจ่ายน้ำ ย า ทำให้เวลาซักน้ำ ย า ไม่สามารถลงถังซักได้อ ย่ า งเต็มที่ และหากปล่อยทิ้งไว้อ ย่ า งนั้น ต่อมาก็จะมีเ ชื้ อ รา และเป็นเ ชื้ อ โ ร ค ผสมอยู่ด้วย สิ่งที่ดีที่สุดในการทำความสะอาด คือ ให้เราถอ ดถาดรับน้ำ ย า ออมาทำความสะอาด โดยการใช้แปรงขัด ให้สิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ออ กให้หมด แล้วล้างทำความสะอาดให้ดี จากนั้นผึ่งให้แห้งสนิท ก่อนนำกลับไปใส่ไว่ที่เดิม เพื่อใช้งานต่อไป
4 ขอบ ย า งฝาเครื่องซักผ้า
เรามักจะลืมทำความสะอาดตรงจุดนี้ไป จนวันหนึ่งมาดูอีกที ก็มีคราบสกปรก เ ชื้ อ รา และพวกน้ำ ย า เก่าๆห มั ก หมมเกาะอยู่ สิ่งเหล่านี้แหละ เป็นอีกหนึ่งต้นเหตุของความสกปรก และกลิ่นอับที่เรามองข้ามไป วิธีง่ายๆแค่ใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูเอามาเช็ดทำความสะอาดให้หมด หรือจะใช้เป็นแปรงขนนุ่มก็ได้ หากคิดจะใช้ส่วนผสมอื่น มาทำความสะอาด ก็ให้เลือ กที่ไม่กัดกร่อยทำล า ย ย า งจะดีกว่า แค่นี้ก็สามารถแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้แล้ว
วิธีใช้เครื่องซักผ้า และรั ก ษ า อ ย่ า งถูกต้อง
– หลังการซักผ้าเสร็จแล้วทุกครั้ง ควรที่จะเปิดฝาถังซักทิ้งเอาไว้ประมาณ 2-3 ชั่ ว โมง เพื่อให้ถังซักผ้าแห้งเสียก่อน จะได้ไม่เป็นแหล่งห มั ก หมมให้เกิดเป็นเ ชื้ อ รา หรือแบคทีเรียขึ้น การซักผ้าในครั้งถัดไปก็จะมีประสิทธิภาพ ไร้กลิ่นอับ และสะอาดไร้สิ่งสกปรก
– แยกสีผ้าก่อนซัก เป็นเรื่องที่เรามักจะทำกันอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่ได้ทำ และมองข้ามจุดนี้ไป การแยกสีผ้าซัก จะช่วยไม่ทำให้ผ้าที่ซักตกสีใส่ผ้าอีกชิ้นหนึ่ง เพราะหากเกิดการสีตกใส่กันแล้ว จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และอาจจะต้องทิ้งไปในที่สุด อีกสิ่งที่สำคัญก็คือ จะไม่ทำให้สีผ้าหมองเร็วขึ้น
– ไม่ควรซักผ้าในจำนวนที่มากเกินไป นั่นคือ จำนวนการซักผ้าต่อ 1 ครั้ง บางคนคิดจะประหยัดค่าไฟฟ้า โดยการซักผ้าครั้งละมากๆ แต่การที่คุณยัดผ้าลงเครื่องไปจนแน่น จะทำให้ไม่มีพื้นที่ในการให้เครื่องควงผ้า และผ้ายังรับน้ำ ย า ซักผ้าได้อ ย่ า งไม่ทั่วถึง บางทีก็ไปกองอยู่กับตัวใดตัวหนึ่ง เมื่อโปรแกรมซักเสร็จปรากฎว่า เสื้อติดคราบน้ำ ย า นั้น มาด้วย เพราะล้างไม่สะอาด ดังนั้นควรซักผ้าแต่พอ ดี ต ามข้อ กำหนดการใช้งานของตัวเครื่อง
ตอนนี้คุณต้องคิดดูแล้วล่ะว่า เครื่องซักผ้าของคุณใช้งาน มานานแค่ไหน แล้วได้ล้างทำความสะอาดตัวถังบ้างหรือยัง เวลาซักผ้าแต่ละครั้ง เสื้อผ้ายังสะอาดดีอยู่หรือไม่ เมื่อคิดได้ดังนี้ก็ลองไปสำรวจดูว่า ตรงส่วนต่างๆของเครื่องซักผ้าของคุณ มีจุดไหนที่ต้องแก้ไขทำความสะอาดไหม ถ้ามีก็ให้รีบจัดการเสีย และหลังจากนั้นก็ควรหมั่นทำความสะอาดทุกเดือน เพื่อมาตราฐานความสะอาดที่จะคงอยู่ในครั้งถัดไป
ที่มา Feedsod, krustory